ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีเลือกกินแคลเซียม บำรุงกระดูก และสารสกัดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่ดีที่สุดและปลอดภัย  (อ่าน 29 ครั้ง)

miniming

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
    • ดูรายละเอียด
วิธีเลือกกินแคลเซียม บำรุงกระดูก และสารสกัดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่ดีที่สุดและปลอดภัย



รู้หรือไม่ปัจจุบันหลายคนยังมีความสับสนในการเลือกกินและเสริมแคลเซียม และสารสกัด ส่งผลให้การเลือกซื้อและกินเกินความจำเป็นต่อร่างกายเพราะไม่ทราบถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่เลือกอย่างชัดเจน ชีวจิตมีคำแนะนำการเลือกกินแคลเซียม และสารสกัด ในการ บำรุงกระดูก ที่ถูกต้องและปลอดภัยต่อสุขภาพมาแนะนำค่ะ

แคลเซียมคืออะไร ทำไมจำเป็นกับร่างกาย
แคลเซียม จัดเป็นแร่ธาตุที่มีหน้าที่สำคัญหลายประการและเรารู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ว่าช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ รวมไปถึงการเต้นของหัวใจ ยังมีงานวิจัยระบุว่า เเคลเซียมสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน (PMS) มีบทบาทในการป้องกันมะเร็งบางชนิด
และในบางงานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า แคลเซียมกับวิตามินดี อาจช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนได้อีกด้วย

กลับกันถ้าหากร่างกายของเราขาดแคลเซียม จะส่งผลทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “โรคกระดูกอ่อนในเด็ก” และ “โรคกระดูกพรุน” ส่งผลให้ในอนาคตทำให้กระดูกเปราะ แตกหักได้ง่าย

ปัจจุบันเรามีแคลเซียมอยู่หลายประเภท วันนี้ขอแนะให้รู้จักกับแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต (Calcium L-threonate) ที่สกัดจากข้าวโพด ถือว่าดีที่สุดในการดูดซึมร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องใช้วิตามินดีเป็นตัวช่วย ทำให้สามารถเสริมมวลกระดูกให้หนาแน่นมากขึ้น และยังไม่ทำให้แคลเซียมตกค้างในร่างกายต่างกับแคลเซียมบางประเภท ที่ส่งผลเสียต่อไตและตับได้ถ้าหากได้รับมากเกินไป

การเลือกเสริมอาหารแคลเซียม เพื่อบำรุงกระดูก
นอกจากการเลือกกินอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมในการเสริมสร้างมวลกระดูกให้เเข็งเเรงเเล้ว การบำรุงกระดูกที่ดีนั้นยังจำเป็นต้องเลือกเสริมอาหารบำรุงข้อด้วย ดังนี้

1.เลือกกินคอลลาเจน ไทพ์-2 (Collagen type II ) จากปลาทะเล เพราะเป็นคอลเจนชนิดเดียวที่พบในกระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูกสันหลัง ช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนและข้อด้วย โดยจะเข้าไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ

2. สารสกัดเซซามีน (Sesamin) จากงาดำ มีกลไกในการออกฤทธิ์ป้องกันและรักษาโรคข้อเสื่อมและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและเสริมประสิทธิภาพของวิตามินอีเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า

3.วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยเสริมการทำงานของคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีประโยชน์ช่วยปกป้องกันเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพ และเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น

4.วิตามิน อี (Vitamin E ) เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำหน้าที่ต้านออกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นในร่างกาย ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ส่งผลต่อเซลล์ต่างๆ และมีส่วนช่วยในขบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย

สำหรับเด็กที่ต้องการเพิ่มความสูง ผู้หญิงที่อายุ 35 ขึ้นไปหรือผ่านการมีบุตร ผู้สูงวัย หรือคนที่มีกิจกรรมในชีวิตที่หลากหลาย ต้องยืนนานๆ เคลื่อนไหวตลอดเวลา
แนะนำผลิตภัณฑ์แคลเซียมที่มีส่วนประกอบของงาดำและคอลลาเจนที่ช่วยเสริมเรื่องกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรงด้วยนะคะ การอ่านฉลากว่าแคลเซียมที่เราเลือกกินประกอบไปด้วยสารสกัดชนิดไหน หรือมีสารประกอบชนิดไหนร่วมด้วยเป็นเรื่องที่ควรทำหรือปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณแคลเซียมที่จำเป็นในแต่ละวัน เพราะแต่ละคนมีความต้องการที่ไม่เท่ากัน โดยทั่วไปควรได้รับแคลเซียมประมาณ 700 มิลลิกรัม – 1,500 มิลลิกรัม จึงถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน

อาหารฟังก์ชัน สารสกัดธรรมชาติ และประโยชน์ต่อร่างกาย
สารสกัดจากธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุขภาพที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมีประโยชน์มากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ แต่มาพร้อมกับประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่ของการป้องกันโรคและรักษาโรคได้ด้วย หรือเรียกว่า อาหารฟังก์ชัน (functional food )

อาหารฟังก์ชันมีประโยชน์เพื่อช่วยการป้องกันร่างกายของตนเองให้ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค ช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายให้ดีขึ้นป้องกันหรือชะลอความเสื่อมการทำงานของเซลล์ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆจากการกินและการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ภูมิแพ้ โรคอ้วน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม : สล็อต