ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดปมขัดแย้ง "อิสราเอล - ปาเลสไตน์" ต่อสู้เพื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์และสันติสุขที่ไม่มีอยู่จริง  (อ่าน 24 ครั้ง)

limited

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 78
    • ดูรายละเอียด




ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมารูปภาพที่กลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก คงหนีไม่พ้นการพุ่งชนของจรวดปาเลสไตน์ที่กำลังพุ่งเข้าชนอิสราเอลในขณะนี้ และระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ Ion Dome (โดมเหล็ก) ที่ปล่อยออกมาเพื่อสกัดกั้นการโจมตีเหนือขอบฟ้าทั้งสองด้าน  สล็อตออนไลน์  แม้ว่าชาวเน็ตหลายคนจะสรุปว่าภาพนั้นดูเหมือนภาพยนต์เรื่องมหาสงครามที่เคยเห็นบนจอภาพยนตร์ แต่ความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เป็นเรื่องจริง ท่ามกลางสถานการณ์ที่เจ็บปวดผู้คนในโลกคมกำลังกังวลว่าความขัดแย้งจะรุนแรงขึ้นและนำไปสู่สงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นหรือไม่?
วันนี้ In Focus ขอพาทุกท่านไปเจาะลึกความขัดแย้งของ 2 ดินแดนว่ามีที่มาอย่างไร ทำไมทั้งสองฝ่ายต้องทะเลาะกัน? รวมถึงจุดยืนของนานาชาติเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรง

ขัดแย้ง
อิสราเอลและปาเลสไตน์เป็นสโมสรมานานกว่าร้อยปี และมักจะปะทะกันมันเริ่มจากทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างอ้างสิทธิ์ในการครอบครองดินแดนพิพาท รวมถึงความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกัน

ตัวละครหลักในความขัดแย้งล่าสุดนี้คือกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองที่ติดอาวุธต่อสู้เพื่อเอกราชของปาเลสไตน์ และหวังจะยึดคืนดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนพื้นที่ที่ทับซ้อนกับอิสราเอลและฝ่ายอิสราเอลซึ่งยืนยันว่าดินแดนดังกล่าวเป็นดินแดนของตน ซึ่งขณะนี้มีแกนนำ“ นายเบนจามินเนทันยาฮู” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน.

เหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดเกิดจากความไม่พอใจของชาวปาเลสไตน์ เนื่องจากย่าน Sheikh Jarrah ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของเยรูซาเล็มพื้นที่นี้ถูกปกครองโดยศาลอิสราเอล ด้วยความคับแค้นใจบีบบังคับบวกกับการไล่ออกในครั้งนี้ทำให้ชาวปาเลสไตน์ประท้วงอย่างต่อเนื่อง และอิสราเอลไม่ยอมแพ้ การประกาศสลายการชุมนุมยังคงดำเนินต่อไป

แต่เหตุการณ์ที่กำลังราดน้ำมันจุดไฟทางการอิสราเอลใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดแสงเพื่อสลายการประท้วงในมัสยิดอัลอักซอ ศาสนสถานของศาสนาอิสลามมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 300 คน เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้นำของประเทศมุสลิมประณามการกระทำที่ทำร้ายจิตใจชาวมุสลิมและความอัปยศอดสูของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นานขึ้นดังนั้นชาวยิวจึงประกาศคำขาดที่จะถอนเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ Sheikh Jarrah ก่อนที่จะทิ้งระเบิดโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ลดละ โชคดีที่ระบบไอออนโดมของอิสราเอลสามารถสกัดกั้นการโจมตีได้จำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการกระตุกหนวดเคราของเสืออย่างเนทันยาฮู โดยกองทัพอิสราเอลประกาศอย่างจริงจังว่า "ฮามาสต้องจ่ายเงินให้ดีเราจะตอบโต้อย่างรุนแรงและใช้เวลาหลายวัน" หลังจากถูกโจมตีโดยกลุ่มฮามาสคณะรัฐมนตรีอิสราเอลได้อนุมัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในฉนวนกาซาจรวดหลายลูกที่ยิงลงมาจาก ท้องฟ้าลำแสงสีทองเจิดจ้าได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายตามคำปฏิญาณของนายเนทันยาฮู“ เราอยู่ระหว่างปฏิบัติการใหญ่เราตัดสินใจว่าฮามาสและญิฮาดจะชดใช้สิ่งที่พวกเขาทำไปเลือดจะต้องถูกล้างด้วยเลือด . และปฏิบัติการนี้ยังไม่จบ "

ปฏิบัติการนองเลือด
การต่อสู้ระหว่างสองชาติเริ่มขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคมโดยฮามาสได้ยิงจรวดใส่อิสราเอล ขณะที่อิสราเอลตอบโต้ทันควันด้วยการโจมตีทางอากาศทำลายอาคารในฉนวนกาซา ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ทำการของเจ้าหน้าที่กลุ่มฮามาสขณะที่ในวันรุ่งขึ้นกลุ่มฮามาสตอบโต้ด้วยการยิงจรวดใส่กรุงเทลอาวีฟ สิ่งนี้บังคับให้พลเมืองอิสราเอลต้องหนีตายเข้าไปในหลุมระเบิดและความไม่สงบในเมืองต่างๆของอิสราเอลเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างชาวยิวและชาวปาเลสไตน์

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปและทวีความรุนแรงขึ้นโดยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมอิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศต่ออาคารในค่ายผู้ลี้ภัยในฉนวนกาซา รวมทั้งอาคารสำนักข่าวอัลจาซีราและสำนักข่าว AP ซึ่งกองทัพอิสราเอลอ้างว่าใช้เป็นหน่วยข่าวกรองของกลุ่มฮามาส

ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคมอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีอุโมงค์ของกลุ่มฮามาสใกล้ชายแดนอิสราเอล เป็นสถานที่ที่กองกำลังซ่อนตัวมากกว่า 15 กิโลเมตรจากการโจมตีทางอากาศรวมถึงบ้านของผู้นำฮามาสยะห์ยาซินวาร์ในฉนวนกาซา เป้าหมายต่อไปคืออาคารที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธ ไม่ว่าจะเป็นฐานปล่อยจรวดศูนย์การผลิตและโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มฮามาส.

และเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค. ) สำนักข่าว CNBC รายงานว่าคนงานไทย 2 คนที่ทำงานในโรงงานบรรจุภัณฑ์ทางตอนใต้ของอิสราเอล เสียชีวิตจากการยิงจรวดโจมตีจากฉนวนกาซา.

สำหรับข้อมูลล่าสุดทางการอิสราเอลกล่าว ตลอดระยะเวลาปฏิบัติการนับตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายชาวปาเลสไตน์ราว 820 คนขณะที่กลุ่มฮามาสและญิฮาดกล่าวว่า กองกำลังของพวกเขายิงจรวดไปแล้ว 3,300 ลูก แต่เนื่องจากอิสราเอลมีเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ดีกว่าจึงไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงไม่มีความสูญเสียมากนักเมื่อเทียบกับฝั่งปาเลสไตน์

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 215 คนโดยครึ่งหนึ่งเป็นเด็กและผู้หญิง และผู้บาดเจ็บอีกหลายพันคนในฝั่งอิสราเอลจำนวนผู้บาดเจ็บ