(https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2021/07/20210717_Canva_%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3-768x432.png)
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาสมุนไพรไทยว่าสมุนไพรไทยในปัจจุบันเป็นพืชเศรษฐกิจและสุขภาพที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ การบริโภควัตถุดิบยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศ (รวมการนำเข้า) เพิ่มขึ้นจาก 43 พันล้านบาทในปี 2560 เป็น 52 พันล้านบาทในปี 2562 การส่งออกเครื่องเทศและสมุนไพร ไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปี.สล็อต pg (https://pgslotone.com/)
สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินนโยบายของรัฐบาลร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมการผลิตสมุนไพรไทยให้ตรงกับความต้องการของตลาด รองรับการปลูกพืชสมุนไพรกว่า 6.4 พันไร่ โดยมีการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์ GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพร จัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร 24 ชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร ข่าขาว ขมิ้น ไพล พริกไทย ถัง ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือ EEC เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ EEC ประมาณ 10,000 ไร่ ทำแปลงสมุนไพรขนาดใหญ่เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุน การวิจัยและพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษา ส่วนการตลาด ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและภาคเอกชน เตรียมเปิดโครงการตลาดนัดขนาดใหญ่ จำหน่ายสมุนไพรสดและเครื่องเทศที่ปลอดภัย และสร้างตลาดออนไลน์ภายใต้ชื่อ “ดีจีที ฟาร์ม” เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรตาม GAP และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เพื่อจำหน่ายตรงสู่ผู้บริโภค
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับการส่งเสริมการปลูกต้นฟลอกส paniculata ให้เพียงพอกับความต้องการในปัจจุบัน หลายหน่วยงานได้ร่วมมือกับกระทรวง เช่น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สปช.) เพื่อส่งมอบต้นกล้าและเมล็ดพืช ให้กับสำนักงาน สปสช. ทั่วประเทศเพื่อแจกจ่ายให้กับนักเรียน กศน. และประชาชนทั่วไป ขณะที่กระทรวงยุติธรรมเดินหน้าเตรียมเรือนจำ/ราชทัณฑ์พร้อม มีสถานที่ปลูกฟ้าทะลายโจร 125 แห่ง ทั้งนี้ เกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่สนใจปลูกฟ้าทะลายโจรหรือพืชสมุนไพรอื่นๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ สามารถติดต่อเกษตรอำเภอเพื่อรับคำแนะนำในการเพาะปลูกและการตลาด
“รัฐบาลยังคงสนับสนุนเกษตรกรทั่วประเทศให้ปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาสมุนไพรไทย และผลักดันอย่างต่อเนื่องสำหรับการปลูกและส่งออกอุตสาหกรรมที่ต้องคำนึงถึงการแปรรูปและปริมาณการผลิตที่เพิ่มมูลค่า แนวทางที่ดำเนินการและบูรณาการระหว่างภาคส่วนต่างๆ จะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้นอย่างยั่งยืน คนไทยมีพืชสมุนไพรเพียงพอที่จะบริโภค อีกทั้งยังส่งเสริมอุตสาหกรรมสมุนไพรให้เป็นอุตสาหกรรมที่โดดเด่น สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก” คุณรัชดากล่าว